The Demopædia Encyclopedia on Population is under heavy modernization and maintenance. Outputs could look bizarre, sorry for the temporary inconvenience
พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาษา ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ภาษาไทย
ผลต่างระหว่างรุ่นของ "90"
แถว 21: | แถว 21: | ||
{{TextTerm|ประชากรมากที่สุด|1|904}} ของพื้นที่หนึ่งซึ่งบางครั้งเรียกว่า{{TextTerm|ความสามารถในการรองรับ|1|904|2}} โดยทั่วไปจะสื่อให้เข้าใจว่าหมายถึง จำนวนบุคคลมากที่สุด ที่จะดำรงชีพอยู่ได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะอย่างหนึ่ง แต่บางครั้งก็ใช้คำนี้เพื่อแสดงจำนวนคนมากที่สุดที่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในระดับการครองชีพที่สมมุติขึ้นระดับหนึ่ง ในทางกลับกัน{{TextTerm|ประชากรน้อยที่สุด|2|904}} โดยทั่วไปจะหมายถึงจำนวนบุคคลน้อยที่สุดในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งจะไปสอดคล้อง{{TextTerm|การรอดชีพของกลุ่ม|3|904}} | {{TextTerm|ประชากรมากที่สุด|1|904}} ของพื้นที่หนึ่งซึ่งบางครั้งเรียกว่า{{TextTerm|ความสามารถในการรองรับ|1|904|2}} โดยทั่วไปจะสื่อให้เข้าใจว่าหมายถึง จำนวนบุคคลมากที่สุด ที่จะดำรงชีพอยู่ได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะอย่างหนึ่ง แต่บางครั้งก็ใช้คำนี้เพื่อแสดงจำนวนคนมากที่สุดที่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในระดับการครองชีพที่สมมุติขึ้นระดับหนึ่ง ในทางกลับกัน{{TextTerm|ประชากรน้อยที่สุด|2|904}} โดยทั่วไปจะหมายถึงจำนวนบุคคลน้อยที่สุดในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งจะไปสอดคล้อง{{TextTerm|การรอดชีพของกลุ่ม|3|904}} | ||
+ | |||
+ | === 905 === | ||
+ | |||
+ | ศัพท์คำว่า{{TextTerm|ความกดดันทางประชากร|1|905}} เชื่อมโยงกับแนวความคิดในเรื่องของขนาดประชากรและ{{NonRefTerm|ทรัพยากร}} ({{RefNumber|90|1|1}}) ที่มีอยู่ การที่จะพูดว่าความกดดันนี้แรงหรืออ่อนในพื้นที่หนึ่ง เท่ากับเสนอว่าประชากรของพื้นที่นั้นอยู่ใกล้หรือไกลจากจุดที่สอดคล้องมากที่สุดกับทรัพยากรที่มีอยู่ตาม{{TextTerm|ทฤษฎีประชากรแนวมัลทัส|2|905}} ที่เรียกกันต่อมาภายหลังจากผู้เริ่มแนวคิดนี้คือ โทมัส มัลทัส จะต้องเกิดแรงกดดันทางประชากรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อ{{TextTerm|ปัจจัยในการดำรงชีพ|3|905}} การเปลี่ยนแปลงปริมาณปัจจัยในการดำรงชีพเมื่อใดก็ตามจะทำให้เกิด{{NonRefTerm|การเพิ่มประชากร}} ({{RefNumber|70|1|1}}) จนกระทั่ง{{TextTerm|ความสมดุลทางประชากร|4|905}} เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อระดับการครองชีพขึ้นไปถึง{{TextTerm|ระดับการดำรงชีพ|5|905}} ซึ่งได้แก่ระดับที่เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ความสมดุลนั้นจะคงอยู่ได้ด้วยการกำจัด{{TextTerm|ประชากรส่วนเกิน|10|905}} ออกไป ไม่ว่าจะโดย{{TextTerm|การยับยั้งเชิงทำลาย|6|905|IndexEntry=การยับยั้งเชิงทำลาย}} ซึ่งบางครั้งเรียกว่า{{TextTerm|การยับยั้งแบบมัลทัส|6|905|2|IndexEntry=การยับยั้งแบบมัลทัส}} (ความอดอยาก โรคระบาด และสงคราม) หรือโดย{{TextTerm|การยับยั้งเชิงป้องกัน|7|905}} ด้วย{{TextTerm|การประพฤติตามหลักศีลธรรม|8|905}} ซึ่งประกอบด้วย{{TextTerm|การเลื่อนอายุแต่งงาน|9|905}} ควบคู่ไปกับการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน |
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 09:50, 31 สิงหาคม 2555
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ : ผู้สนับสนุนทั้งหลายของดีโมพีเดียไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความหมายของศัพท์ต่างๆ ที่อยู่ในพจนานุกรมฉบับปรังปรุงนี้ พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาพ ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ยังอยู่่ระหว่างการดำเนินงาน หากต้องการเสนอข้อคิดเห็นใดๆ กรุณาใช้พื้นที่อภิปราย |
ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด |
901
ส่วนหนึ่งของทฤษฎีทางประชากร (105-1) จะเกี่ยวข้องกับตัวกำหนดและผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงประชากร ในอดีตทฤษฎีประชากรส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนรวมประชากรกับ ทรัพยากร1 ซึ่งได้แก่ วิธีการที่จะทำให้ประชากรดำรงอยู่ได้ หรือ ผลผลิต2 หรือการสร้างสินค้าและบริการ แต่เมื่อไม่นานมานี้จุดเน้นของทฤษฎีทางประชากรได้เคลื่อนมาอยู่ที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มประชากร (701-1) และส่วนประกอบของการเพิ่มนั้น กับความเติบโตทางเศรษฐกิจ (903-1) โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ การบริโภค3 การออม4 การลงทุน5 และ ตลาดแรงงาน6
902
การพิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างขนาดประชากรและทรัพยากร นำไปสู่แนวความคิดเกี่ยวกับ ประชากรมากเกิน1 และ ประชากรน้อยเกิน2 คำเหล่านี้นิยามไว้ที่ ระดับของการพัฒนา3 ที่กำหนดไว้ตายตัวระดับหนึ่ง เมื่อประชากรมีขนาดไม่ใหญ่หรือไม่เล็กไปกว่าที่จะทำให้เกิดข้อได้เปรียบ ก็จะเรียกว่าเป็น ขนาดประชากรเหมาะที่สุด4 หรือบางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า ขนาดเหมาะที่สุด4 ข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นจากขนาดที่เหมาะสมที่สุดอาจมีลักษณะในเชิงเศรษฐกิจ และเมื่อเป็นเช่นนั้นจะเรียกว่าเป็น ขนาดเหมาะที่สุดทางเศรษฐกิจ5 การอภิปรายขนาดที่เหมาะที่สุดทางเศรษฐกิจ โดยทั่วไปจะกล่าวถึงในแง่ของสวัสดิการทางเศรษฐกิจ แต่ทว่าเรื่องนี้ยากที่จะวัดด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ ดังนั้นบางครั้งจึงนำ ระดับการครองชีพ6 หรือ มาตรฐานการครองชีพ6 มาใช้แทน ระดับการครองชีพประมาณได้โดย รายได้ประชาชาติต่อหัวที่แท้จรง7 ได้แก่ ปริมาณรวมของสินค้าและบริการที่ผลิตได้ในช่วงเวลาหนึ่ง (หรือมูลค่าเงินรายได้ปรับตามอำนาจซื้อ) หารด้วยจำนวนประชากรรวมในระหว่างช่วงเวลานั้น
903
นักเศรษฐศาสตร์ได้เน้นความสัมพันธ์ที่เป็นพลวัตระหว่าง ความเติบโตทางเศรษฐกิจ1 หรือ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ1 กับอัตราการเพิ่มประชากรและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทุกวันนี้นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสนใจแนวความคิดที่อยู่นิ่งเกี่ยวกับขนาดเหมาะที่สุด น้อยกว่าแนวความคิดที่เป็นพลวัตรในเรื่อง อัตราเพิ่มที่เหมาะที่สุด2 ของประชากร ได้แก่อัตราเพิ่มประชากรซึ่งจะสอดคล้องกับอัตราเพิ่มของระดับการครองชีพสูงสุด ความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นห่วงกันมากในประเทศที่มีระดับการครองชีพต่ำ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น ประเทศด้อยพัฒนา3 หรือ ประเทศกำลังพัฒนา3
904
ประชากรมากที่สุด1 ของพื้นที่หนึ่งซึ่งบางครั้งเรียกว่า ความสามารถในการรองรับ1 โดยทั่วไปจะสื่อให้เข้าใจว่าหมายถึง จำนวนบุคคลมากที่สุด ที่จะดำรงชีพอยู่ได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะอย่างหนึ่ง แต่บางครั้งก็ใช้คำนี้เพื่อแสดงจำนวนคนมากที่สุดที่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในระดับการครองชีพที่สมมุติขึ้นระดับหนึ่ง ในทางกลับกัน ประชากรน้อยที่สุด2 โดยทั่วไปจะหมายถึงจำนวนบุคคลน้อยที่สุดในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งจะไปสอดคล้อง การรอดชีพของกลุ่ม3
905
ศัพท์คำว่า ความกดดันทางประชากร1 เชื่อมโยงกับแนวความคิดในเรื่องของขนาดประชากรและทรัพยากร (901-1) ที่มีอยู่ การที่จะพูดว่าความกดดันนี้แรงหรืออ่อนในพื้นที่หนึ่ง เท่ากับเสนอว่าประชากรของพื้นที่นั้นอยู่ใกล้หรือไกลจากจุดที่สอดคล้องมากที่สุดกับทรัพยากรที่มีอยู่ตาม ทฤษฎีประชากรแนวมัลทัส2 ที่เรียกกันต่อมาภายหลังจากผู้เริ่มแนวคิดนี้คือ โทมัส มัลทัส จะต้องเกิดแรงกดดันทางประชากรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อ ปัจจัยในการดำรงชีพ3 การเปลี่ยนแปลงปริมาณปัจจัยในการดำรงชีพเมื่อใดก็ตามจะทำให้เกิดการเพิ่มประชากร (701-1) จนกระทั่ง ความสมดุลทางประชากร4 เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อระดับการครองชีพขึ้นไปถึง ระดับการดำรงชีพ5 ซึ่งได้แก่ระดับที่เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ความสมดุลนั้นจะคงอยู่ได้ด้วยการกำจัด ประชากรส่วนเกิน10 ออกไป ไม่ว่าจะโดย การยับยั้งเชิงทำลาย6 ซึ่งบางครั้งเรียกว่า การยับยั้งแบบมัลทัส6 (ความอดอยาก โรคระบาด และสงคราม) หรือโดย การยับยั้งเชิงป้องกัน7 ด้วย การประพฤติตามหลักศีลธรรม8 ซึ่งประกอบด้วย การเลื่อนอายุแต่งงาน9 ควบคู่ไปกับการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน