The Demopædia Encyclopedia on Population is under heavy modernization and maintenance. Outputs could look bizarre, sorry for the temporary inconvenience
พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาษา ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ภาษาไทย
ผลต่างระหว่างรุ่นของ "34"
(→344) |
(No NewTextTerm in Thai) |
||
(ไม่แสดง 4 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน) | |||
แถว 27: | แถว 27: | ||
=== 343 === | === 343 === | ||
− | {{TextTerm|ระบบการศึกษา|1|343|IndexEntry=ระบบการศึกษา}}หมายรวมสถาบันทั้งหมดทั้งของรัฐและเอกชนที่ทำการสอนอยู่ในประเทศ เมื่อสถาบันการศึกษาทั้งสองประเภทมีอยู่ในประเทศหนึ่ง จะแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|การศึกษาของรัฐ|2|343}} กับ{{TextTerm|การศึกษาของเอกชน|3|343}} หลังจาก{{TextTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน|4|343}}แล้ว ปรกติจะแยกระหว่าง{{TextTerm|ระดับการศึกษา|5|343|IndexEntry=ระดับการศึกษา}}สามระดับซึ่งเรียงลำดับขึ้นไปดังนี้ {{TextTerm|ประถมศึกษา|6|343}} {{TextTerm|มัธยมศึกษา|7|343}}ซึ่งมักแยกออกเป็นหลาย{{TextTerm|รอบ|8|343}} หรือหลาย{{TextTerm|สาขาวิชา|8|343|2}} กับ{{TextTerm|การศึกษาสูงขึ้นไป|9|343|IndexEntry=การศึกษาสูงขึ้นไป}} | + | {{TextTerm|ระบบการศึกษา|1|343|IndexEntry=ระบบการศึกษา}}หมายรวมสถาบันทั้งหมดทั้งของรัฐและเอกชนที่ทำการสอนอยู่ในประเทศ เมื่อสถาบันการศึกษาทั้งสองประเภทมีอยู่ในประเทศหนึ่ง จะแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|การศึกษาของรัฐ|2|343}} กับ{{TextTerm|การศึกษาของเอกชน|3|343}} หลังจาก{{TextTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน|4|343}}แล้ว ปรกติจะแยกระหว่าง{{TextTerm|ระดับการศึกษา|5|343|IndexEntry=ระดับการศึกษา}}สามระดับซึ่งเรียงลำดับขึ้นไปดังนี้ {{TextTerm|ประถมศึกษา|6|343}} {{TextTerm|มัธยมศึกษา|7|343}}ซึ่งมักแยกออกเป็นหลาย{{TextTerm|รอบ|8|343}} หรือหลาย{{TextTerm|สาขาวิชา|8|343|2}} กับ{{TextTerm|การศึกษาสูงขึ้นไป|9|343|IndexEntry=การศึกษาสูงขึ้นไป}} ในการศึกษาสูงขึ้นไปที่{{TextTerm|ระดับ|10|343}}ต่างๆ รวมถึงหลักสูตรการศึกษาซึ่งนำไปสู่{{TextTerm|ปริญญามหาวิทยาลัย|11|343}} {{TextTerm|การศึกษาวิชาชีพ|12|343}} หรือ{{TextTerm|อาชีวศึกษา|12|343|2}}อาจให้ได้ในระดับมัธยมศึกษาหรือระดับการศึกษาสูงขึ้นไป |
=== 344 === | === 344 === | ||
− | ประเภทของ{{TextTerm|สถาบันทางการศึกษา|1|344|IndexEntry=สถาบันทางการศึกษา}} และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ {{NonRefTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน}} ({{RefNumber|34|3|4}}) มีอยู่ใน{{TextTerm|โรงเรียนเด็กเล็ก|2|344|IndexEntry=โรงเรียนเด็กเล็ก}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนอนุบาล|2|344|2|IndexEntry=โรงเรียนอนุบาล}} สถาบันที่ให้ทั้งสาม{{NonRefTerm|ระดับการศึกษา}} ({{RefNumber|34|3|5}}) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ {{TextTerm|โรงเรียนประถมศึกษา|3|344|IndexEntry=โรงเรียนประถมศึกษา}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนชั้นประถม|3|344|2|IndexEntry=โรงเรียนชั้นประถม}} {{TextTerm|โรงเรียนมัธยมศึกษา|4|344|IndexEntry=โรงเรียนมัธยมศึกษา}} และ {{TextTerm|วิทยาลัย|5|344|IndexEntry=วิทยาลัย}} หรือ {{TextTerm|มหาวิทยาลัย|5|344|2|IndexEntry=มหาวิทยาลัย}} สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี{{TextTerm|โรงเรียนอาชีวะ|6|344|IndexEntry=โรงเรียนอาชีวะ}}อีกหลายชนิด {{NonRefTerm|การศึกษาวิชาชีพ}} ({{RefNumber|34|3|12}}) จัดให้เป็น{{ | + | ประเภทของ{{TextTerm|สถาบันทางการศึกษา|1|344|IndexEntry=สถาบันทางการศึกษา}} และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ {{NonRefTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน}} ({{RefNumber|34|3|4}}) มีอยู่ใน{{TextTerm|โรงเรียนเด็กเล็ก|2|344|IndexEntry=โรงเรียนเด็กเล็ก}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนอนุบาล|2|344|2|IndexEntry=โรงเรียนอนุบาล}} สถาบันที่ให้ทั้งสาม{{NonRefTerm|ระดับการศึกษา}} ({{RefNumber|34|3|5}}) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ {{TextTerm|โรงเรียนประถมศึกษา|3|344|IndexEntry=โรงเรียนประถมศึกษา}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนชั้นประถม|3|344|2|IndexEntry=โรงเรียนชั้นประถม}} {{TextTerm|โรงเรียนมัธยมศึกษา|4|344|IndexEntry=โรงเรียนมัธยมศึกษา}} และ {{TextTerm|วิทยาลัย|5|344|IndexEntry=วิทยาลัย}} หรือ {{TextTerm|มหาวิทยาลัย|5|344|2|IndexEntry=มหาวิทยาลัย}} สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี{{TextTerm|โรงเรียนอาชีวะ|6|344|IndexEntry=โรงเรียนอาชีวะ}}อีกหลายชนิด {{NonRefTerm|การศึกษาวิชาชีพ}} ({{RefNumber|34|3|12}}) จัดให้เป็น{{TextTerm|ศูนย์การเรียนรู้|7|344|IndexEntry=ศูนย์การเรียนรู้}} {{TextTerm|โรงเรียนวิชาชีพ|8|344|IndexEntry=โรงเรียนวิชาชีพ}} {{TextTerm|วิทยาลัยวิชาชีพ|9|344|IndexEntry=วิทยาลัยวิชาชีพ}} {{TextTerm|สถาบันทางวิชาชีพ|10|344|IndexEntry=สถาบันทางวิชาชีพ}} และ{{TextTerm|สถาบันการศึกษา|11|344|IndexEntry=สถาบันการศึกษา}} |
{{Note|5| คำว่า{{NoteTerm|วิทยาลัย}} (college) มีหลายความหมาย {{NoteTerm|วิทยาลัย}} (university college) อาจเป็นสถาบันการเรียนขั้นสูงขึ้นไปแต่ยังไม่มีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นส่วนประกอบของมหาวิทยาลัย}} | {{Note|5| คำว่า{{NoteTerm|วิทยาลัย}} (college) มีหลายความหมาย {{NoteTerm|วิทยาลัย}} (university college) อาจเป็นสถาบันการเรียนขั้นสูงขึ้นไปแต่ยังไม่มีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นส่วนประกอบของมหาวิทยาลัย}} | ||
แถว 46: | แถว 46: | ||
=== 347 === | === 347 === | ||
− | สถิติอย่างอื่นจะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนชั้นทางการศึกษา ปรกติบุคคลจะเลื่อนชั้นขึ้นไปทีละชั้น จากชั้นต่ำสุดของโรงเรียนประถมศึกษาไปจนจบการศึกษา {{TextTerm|การออกจากโรงเรียน|1|347|IndexEntry=การออกจากโรงเรียน}}เมื่อมีการใช้กฎหมายการศึกษาภาคบังคับจะกระทำมิได้ในช่วงวัยเรียนเว้นแต่จะมีสาเหตุเนื่องจากการเจ็บป่วยและการตาย {{TextTerm|อัตราการหยุดพักเรียน|2|347}}คือความน่าจะเป็นของการออกจากโรงเรียนก่อนที่จะจบการศึกษาในระดับนั้นไม่ว่าจะออกในช่วงระหว่างปีหรือเมื่อจบชั้นการศึกษา อัตรานี้คำนวณได้ด้วยวิธีเดียวกันกับความน่าจะเป็นของการตายในตารางชีพ ส่วนที่ทำให้อัตรานี้เติมเต็ม 1 คือ{{TextTerm|อัตราเรียนต่อ|3|347}} อัตราเช่นนี้สามารถนำมาใช้คำนวณ{{TextTerm|ตารางของชีวิตวัยเรียน|4|347}} ซึ่งจากตารางนี้สามารถอนุมาน{{TextTerm|ระยะเวลาเฉลี่ยของการศึกษา|5|347}}ได้ เมื่อจบปีการศึกษา นักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่หยุดการศึกษาของตนอาจจะเรียนซ้ำชั้นหรือขึ้นชั้นที่สูงขึ้นไปโดยมีหรือไม่มี{{TextTerm|การเปลี่ยนสายวิชา|6|347}} | + | สถิติอย่างอื่นจะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนชั้นทางการศึกษา ปรกติบุคคลจะเลื่อนชั้นขึ้นไปทีละชั้น จากชั้นต่ำสุดของโรงเรียนประถมศึกษาไปจนจบการศึกษา {{TextTerm|การออกจากโรงเรียน|1|347|IndexEntry=การออกจากโรงเรียน}}เมื่อมีการใช้กฎหมายการศึกษาภาคบังคับจะกระทำมิได้ในช่วงวัยเรียนเว้นแต่จะมีสาเหตุเนื่องจากการเจ็บป่วยและการตาย {{TextTerm|อัตราการหยุดพักเรียน|2|347}}คือความน่าจะเป็นของการออกจากโรงเรียนก่อนที่จะจบการศึกษาในระดับนั้นไม่ว่าจะออกในช่วงระหว่างปีหรือเมื่อจบชั้นการศึกษา อัตรานี้คำนวณได้ด้วยวิธีเดียวกันกับความน่าจะเป็นของการตายในตารางชีพ ส่วนที่ทำให้อัตรานี้เติมเต็ม 1 คือ{{TextTerm|อัตราเรียนต่อ|3|347}} อัตราเช่นนี้สามารถนำมาใช้คำนวณ{{TextTerm|ตารางของชีวิตวัยเรียน|4|347}} ซึ่งจากตารางนี้สามารถอนุมาน{{TextTerm|ระยะเวลาเฉลี่ยของการศึกษา|5|347}}ได้ เมื่อจบปีการศึกษา นักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่หยุดการศึกษาของตนอาจจะเรียนซ้ำชั้นหรือขึ้นชั้นที่สูงขึ้นไปโดยมีหรือไม่มี{{TextTerm|การเปลี่ยนสายวิชา|6|347}} {{TextTerm|สัดส่วนการซ้ำชั้น|7|347}}ใช้เพื่อวัดว่าเมื่อจบปีการศึกษามีนักเรียนมากน้อยเพียงใดที่ไม่สามารถเลื่อนขึ้นชั้นที่สูงขึ้น |
==<center><font size=12>* * * </font></center>== | ==<center><font size=12>* * * </font></center>== |
รุ่นปัจจุบัน เมื่อ 14:38, 17 สิงหาคม 2556
ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ : ผู้สนับสนุนทั้งหลายของดีโมพีเดียไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความหมายของศัพท์ต่างๆ ที่อยู่ในพจนานุกรมฉบับปรังปรุงนี้ พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาพ ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ยังอยู่่ระหว่างการดำเนินงาน หากต้องการเสนอข้อคิดเห็นใดๆ กรุณาใช้พื้นที่อภิปราย |
ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด |
340
ประชากรอาจจำแนกออกตาม ภาษา1 หรือ ภาษาถิ่น2ที่พูดกันอยู่ประจำ มีการแยกความแตกต่างระหว่าง ภาษาแม่3 หรือ ภาษาพูดที่บ้าน3ของบุคคล ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดที่บ้านในช่วงวัยเด็ก กับ ภาษาปรกติ4 ซึ่งเป็นภาษาที่เขาใช้พูดในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างระหว่างภาษาทั้งสองแยกได้ไม่ง่ายนักในหมู่คน สองภาษา5 หรือ พหุภาษา5 สถิติที่เสนอข้อมูลในหัวข้อเหล่านี้เรียกว่า สถิติของภาษา6
- 1. ภาษาศาสตร์ (linguistics) การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะ โครงสร้าง กำเนิด และความหมายของภาษาและคำพูดของมนุษย์
- 2. ภาษาท้องถิ่น (dialect) เป็นภาษาที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นในเรื่องแบบแผนของการออกเสียง ไวยากรณ์ และศัพท์
341
สถิติทางศาสนา1แบ่งประชากรออกตามศาสนาที่คนนับถือ โดยทั่วไปแยกความแตกต่างระหว่าง ศาสนา2หลักกับ นิกาย3 พิธีกรรม4 หรือ สำนัก5ของศาสนานั้นๆ บุคคลที่ไม่มีศาสนาอาจเรียกตนเองว่าเป็น ผู้ไม่มีศาสนา6 ผู้คิดอิสระ6 หรือ ผู้ไม่มีพระเจ้า6
- 4. พิธีกรรม (rite) อาจใช้ในความหมายของพิธีกรรมทางศาสนา
342
ประชากรมักจำแนกออกตาม สถานภาพทางการศึกษา1 บุคคลผู้สามารถอ่านและเขียนได้เรียก ผู้รู้หนังสือ2 คนที่มีอายุถึงอายุหนึ่งและไม่สามารถอ่านและเขียนได้เรียก ผู้ไม่รู้หนังสือ3 การจบชั้นเรียนหนึ่งหรือระดับหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้รู้หนังสือ สถิติความสำเร็จทางการศึกษา4จำแนกบุคคลตาม ชั้นเรียนที่จบ5 จำนวนปีที่จบการศึกษา5 หรือที่ไม่ค่อยใช้กันมากนักคือจำแนกตาม อายุที่ออกจากโรงเรียน6 การจำแนกอีกประเภทหนึ่งคือ จำแนกออกตาม วุฒิบัตร7 ปริญญาบัตร7 หรือ ประกาศนียบัตร7ที่ได้รับ หรือจำแนกตามการจัดหลักสูตร การสอน8ในแต่ละประเทศ
- 2. สถิติการรู้หนังสือ (literacy statistics) เป็นส่วนหนึ่งของสถิติการศึกษา ซึ่งหมายถึงความสามารถที่อ่านและเขียน อัตราส่วนการรู้หนังสือเป็นสัดส่วนของประชากรที่รู้หนังสือ อีกด้านของอัตราส่วนนี้คืออัตราส่วนการไม่รู้หนังสือ
- 3. การไม่รู้หนังสือ (illiterate) บุคคลที่สามารถอ่านออกแต่เขียนไม่ได้อาจเรียกว่าเป็นผู้กึ่งรู้หนังสือ และบุคคลนั้นบางครั้งก็อาจจัดอยู่ในประเภทผู้รู้หนังสือ และบางครั้งอาจจัดเป็นผู้ไม่รู้หนังสือได้เช่นกัน
- 4. ประชากรวัยเรียน (346-7) มักแยกประเภทโดยชั้นเรียนหรือระดับชั้นที่ลงทะเบียน และข้อมูลการศึกษาที่สำเร็จจึงนำเสนอเฉพาะประชากรที่อายุเลยวัยเรียนตามปรกติมาแล้ว
343
ระบบการศึกษา1หมายรวมสถาบันทั้งหมดทั้งของรัฐและเอกชนที่ทำการสอนอยู่ในประเทศ เมื่อสถาบันการศึกษาทั้งสองประเภทมีอยู่ในประเทศหนึ่ง จะแยกความแตกต่างระหว่าง การศึกษาของรัฐ2 กับ การศึกษาของเอกชน3 หลังจาก การศึกษาก่อนวัยเรียน4แล้ว ปรกติจะแยกระหว่าง ระดับการศึกษา5สามระดับซึ่งเรียงลำดับขึ้นไปดังนี้ ประถมศึกษา6 มัธยมศึกษา7ซึ่งมักแยกออกเป็นหลาย รอบ8 หรือหลาย สาขาวิชา8 กับ การศึกษาสูงขึ้นไป9 ในการศึกษาสูงขึ้นไปที่ ระดับ10ต่างๆ รวมถึงหลักสูตรการศึกษาซึ่งนำไปสู่ ปริญญามหาวิทยาลัย11 การศึกษาวิชาชีพ12 หรือ อาชีวศึกษา12อาจให้ได้ในระดับมัธยมศึกษาหรือระดับการศึกษาสูงขึ้นไป
344
ประเภทของ สถาบันทางการศึกษา1 และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ การศึกษาก่อนวัยเรียน (343-4) มีอยู่ใน โรงเรียนเด็กเล็ก2 หรือ โรงเรียนอนุบาล2 สถาบันที่ให้ทั้งสามระดับการศึกษา (343-5) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ โรงเรียนประถมศึกษา3 หรือ โรงเรียนชั้นประถม3 โรงเรียนมัธยมศึกษา4 และ วิทยาลัย5 หรือ มหาวิทยาลัย5 สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี โรงเรียนอาชีวะ6อีกหลายชนิด การศึกษาวิชาชีพ (343-12) จัดให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้7 โรงเรียนวิชาชีพ8 วิทยาลัยวิชาชีพ9 สถาบันทางวิชาชีพ10 และ สถาบันการศึกษา11
- 5. คำว่าวิทยาลัย (college) มีหลายความหมาย วิทยาลัย (university college) อาจเป็นสถาบันการเรียนขั้นสูงขึ้นไปแต่ยังไม่มีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นส่วนประกอบของมหาวิทยาลัย
345
ชั้นเรียน1 (cf. 130-8) หมายถึงกลุ่มของ นักเรียน2ที่มี ครู3คนเดียวกันและพบกันใน ห้องเรียน4เดียวกัน และโดยทั่วไปจะได้รับการสอนพร้อมๆ กัน กลุ่มของนักเรียนซึ่งเรียนอยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันกล่าวได้ว่าอยู่ใน เกรด5เดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา หรือใน ชั้น5 หรือ ฟอร์ม5 (cf. 206-1)เดียวกันในประเทศอังกฤษ ศัพท์คำว่า นักศึกษา6 โดยทั่วไปใช้สำหรับนักเรียนที่ได้รับการศึกษาขั้นสูงขึ้นไป แต่ก็ใช้แทนกันได้กับคำว่า "นักเรียน" (pupil) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา
- 2. คำว่า scholar ในอังกฤษหมายถึงนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนของรัฐหรือเอกชน คำนี้เป็นศัพท์โบราณที่หมายถึงนักเรียน ในสหรัฐอเมริกา นักศึกษาผู้ได้รับทุนเรียนเรียกว่าผู้ได้รับทุนการศึกษา หรือนักเรียนทุน
- 6. นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยังไม่ได้รับปริญญาตรีเรียก undergraduate graduate (cf. 151-1*) ในอังกฤษคือผู้ที่ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ในสหรัฐอเมริกา ศัพท์คำนี้อาจใช้สำหรับใครก็ได้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โรงเรียนมัธยม หรือแม้กระทั่งโรงเรียนประถม ในสหรัฐอเมริกา graduate student ได้แก่ผู้กำลังเรียนเพื่อปริญญาที่สอง ซึ่งเทียบเท่ากับ post-graduate student ในอังกฤษ
346
สถิติโรงเรียนปัจจุบัน1อาจแยกระหว่างจำนวนของ นักเรียนที่ลงทะเบียน2 กับจำนวน นักเรียนที่เข้าเรียน3 การเปรียบเทียบตัวเลขสองจำนวนนี้ให้ค่าของ อัตราส่วนการเข้าเรียน4 การศึกษาภาคบังคับ5แสดงว่ามีพิสัยของอายุที่ต้องเข้าเรียนซึ่งบังคับโดยกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับทำให้ระบุจำนวน เด็กในวัยเรียน6หรือ ประชากรวัยเรียน7ได้ด้วยเกณฑ์ทางกฎหมาย
- 4. อัตราส่วนการเข้าเรียนเป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่เข้าเรียนต่อนักเรียนที่ลงทะเบียน ในขณะที่อัตราส่วนการลงทะเบียนเป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่ลงทะเบียนต่อประชากรวัยเรียน
347
สถิติอย่างอื่นจะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนชั้นทางการศึกษา ปรกติบุคคลจะเลื่อนชั้นขึ้นไปทีละชั้น จากชั้นต่ำสุดของโรงเรียนประถมศึกษาไปจนจบการศึกษา การออกจากโรงเรียน1เมื่อมีการใช้กฎหมายการศึกษาภาคบังคับจะกระทำมิได้ในช่วงวัยเรียนเว้นแต่จะมีสาเหตุเนื่องจากการเจ็บป่วยและการตาย อัตราการหยุดพักเรียน2คือความน่าจะเป็นของการออกจากโรงเรียนก่อนที่จะจบการศึกษาในระดับนั้นไม่ว่าจะออกในช่วงระหว่างปีหรือเมื่อจบชั้นการศึกษา อัตรานี้คำนวณได้ด้วยวิธีเดียวกันกับความน่าจะเป็นของการตายในตารางชีพ ส่วนที่ทำให้อัตรานี้เติมเต็ม 1 คือ อัตราเรียนต่อ3 อัตราเช่นนี้สามารถนำมาใช้คำนวณ ตารางของชีวิตวัยเรียน4 ซึ่งจากตารางนี้สามารถอนุมาน ระยะเวลาเฉลี่ยของการศึกษา5ได้ เมื่อจบปีการศึกษา นักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่หยุดการศึกษาของตนอาจจะเรียนซ้ำชั้นหรือขึ้นชั้นที่สูงขึ้นไปโดยมีหรือไม่มี การเปลี่ยนสายวิชา6 สัดส่วนการซ้ำชั้น7ใช้เพื่อวัดว่าเมื่อจบปีการศึกษามีนักเรียนมากน้อยเพียงใดที่ไม่สามารถเลื่อนขึ้นชั้นที่สูงขึ้น
* * *
ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด |