The Demopædia Encyclopedia on Population is under heavy modernization and maintenance. Outputs could look bizarre, sorry for the temporary inconvenience

พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาษา ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ภาษาไทย

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "34"

จาก Demopædia
แถว 10: แถว 10:
  
 
ประชากรอาจจำแนกออกตาม{{TextTerm|ภาษา|1|340}} หรือ{{TextTerm|ภาษาถิ่น|2|340}}ที่พูดกันอยู่ประจำ มีการแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|ภาษาแม่|3|340}} หรือ{{TextTerm|ภาษาพูดที่บ้าน|3|340|2}}ของบุคคล ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดที่บ้านในช่วงวัยเด็ก กับ{{TextTerm|ภาษาปรกติ|4|340}} ซึ่งเป็นภาษาที่เขาใช้พูดในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างระหว่างภาษาทั้งสองแยกได้ไม่ง่ายนักในหมู่คน{{TextTerm|สองภาษา|5|340}} หรือ{{TextTerm|พหุภาษา|5|340|2}} สถิติที่เสนอข้อมูลในหัวข้อเหล่านี้เรียกว่า{{TextTerm|สถิติของภาษา|6|340}}
 
ประชากรอาจจำแนกออกตาม{{TextTerm|ภาษา|1|340}} หรือ{{TextTerm|ภาษาถิ่น|2|340}}ที่พูดกันอยู่ประจำ มีการแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|ภาษาแม่|3|340}} หรือ{{TextTerm|ภาษาพูดที่บ้าน|3|340|2}}ของบุคคล ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดที่บ้านในช่วงวัยเด็ก กับ{{TextTerm|ภาษาปรกติ|4|340}} ซึ่งเป็นภาษาที่เขาใช้พูดในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างระหว่างภาษาทั้งสองแยกได้ไม่ง่ายนักในหมู่คน{{TextTerm|สองภาษา|5|340}} หรือ{{TextTerm|พหุภาษา|5|340|2}} สถิติที่เสนอข้อมูลในหัวข้อเหล่านี้เรียกว่า{{TextTerm|สถิติของภาษา|6|340}}
{{Note|1| {{NoteTerm|Linguistics}}, n.: the study of the nature, structure, origin and meaning of language and human speech.}}
+
{{Note|1| {{NoteTerm|ภาษาศาสตร์}} (linguistics) การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะ โครงสร้าง กำเนิด และความหมายของภาษาและคำพูดของมนุษย์}}
{{Note|2| {{NoteTerm|Dialect}}, n. - {{NoteTerm|dialectal}}, adj. A dialect is a variety of language that is distinguished by its pattern of pronunciation, grammar or vocabulary.}}
+
{{Note|2| {{NoteTerm|ภาษาท้องถิ่น}} (dialect) เป็นภาษาที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นในเรื่องแบบแผนของการออกเสียง ไวยากรณ์ และศัพท์}}
{{Note|5| {{NoteTerm|Bilingual}}, adj. - {{NoteTerm|bilingualism}}, n.}}
 
  
 
=== 341 ===
 
=== 341 ===
  
 
{{TextTerm|สถิติทางศาสนา|1|341}}แบ่งประชากรออกตามศาสนาที่คนนับถือ โดยทั่วไปแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|ศาสนา|2|341|IndexEntry=ศาสนา}}หลักกับ{{TextTerm|นิกาย|3|341|IndexEntry=นิกาย}} {{TextTerm|พิธีกรรม|4|341|IndexEntry=พิธีกรรม}} หรือ{{TextTerm|สำนัก|5|341|IndexEntry=สำนัก}}ของศาสนานั้นๆ บุคคลที่ไม่มีศาสนาอาจเรียกตนเองว่าเป็น{{TextTerm|ผู้ไม่มีศาสนา|6|341|IndexEntry=ผู้ไม่มีศาสนา}} {{TextTerm|ผู้คิดอิสระ|6|341|2|IndexEntry=ผู้คิดอิสระ}} หรือ{{TextTerm|ผู้ไม่มีพระเจ้า|6|341|3|IndexEntry=ผู้ไม่มีพระเจ้า}}
 
{{TextTerm|สถิติทางศาสนา|1|341}}แบ่งประชากรออกตามศาสนาที่คนนับถือ โดยทั่วไปแยกความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|ศาสนา|2|341|IndexEntry=ศาสนา}}หลักกับ{{TextTerm|นิกาย|3|341|IndexEntry=นิกาย}} {{TextTerm|พิธีกรรม|4|341|IndexEntry=พิธีกรรม}} หรือ{{TextTerm|สำนัก|5|341|IndexEntry=สำนัก}}ของศาสนานั้นๆ บุคคลที่ไม่มีศาสนาอาจเรียกตนเองว่าเป็น{{TextTerm|ผู้ไม่มีศาสนา|6|341|IndexEntry=ผู้ไม่มีศาสนา}} {{TextTerm|ผู้คิดอิสระ|6|341|2|IndexEntry=ผู้คิดอิสระ}} หรือ{{TextTerm|ผู้ไม่มีพระเจ้า|6|341|3|IndexEntry=ผู้ไม่มีพระเจ้า}}
{{Note|4| {{NoteTerm|Rite}}, n. may also be used in the sense of a religious ceremony.}}
+
{{Note|4| {{NoteTerm|พิธีกรรม}} (rite) อาจใช้ในความหมายของพิธีกรรมทางศาสนา}}
  
 
=== 342 ===
 
=== 342 ===
  
 
ประชากรมักจำแนกออกตาม{{TextTerm|สถานภาพทางการศึกษา|1|342}} บุคคลผู้สามารถอ่านและเขียนได้เรียก{{TextTerm|ผู้รู้หนังสือ|2|342}} คนที่มีอายุถึงอายุหนึ่งและไม่สามารถอ่านและเขียนได้เรียก{{TextTerm|ผู้ไม่รู้หนังสือ|3|342}} การจบชั้นเรียนหนึ่งหรือระดับหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้รู้หนังสือ {{TextTerm|สถิติความสำเร็จทางการศึกษา|4|342}}จำแนกบุคคลตาม{{TextTerm|ชั้นเรียนที่จบ|5|342}} {{TextTerm|จำนวนปีที่จบการศึกษา|5|342|2|IndexEntry=จำนวนปีที่จบการศึกษา}} หรือที่ไม่ค่อยใช้กันมากนักคือจำแนกตาม{{TextTerm|อายุที่ออกจากโรงเรียน|6|342}} การจำแนกอีกประเภทหนึ่งคือ จำแนกออกตาม{{TextTerm|วุฒิบัตร|7|342}} {{TextTerm|ปริญญาบัตร|7|342|2}} หรือ {{TextTerm|ประกาศนียบัตร|7|342|3}}ที่ได้รับ หรือจำแนกตามการจัดหลักสูตร{{TextTerm|การสอน|8|342}}ในแต่ละประเทศ
 
ประชากรมักจำแนกออกตาม{{TextTerm|สถานภาพทางการศึกษา|1|342}} บุคคลผู้สามารถอ่านและเขียนได้เรียก{{TextTerm|ผู้รู้หนังสือ|2|342}} คนที่มีอายุถึงอายุหนึ่งและไม่สามารถอ่านและเขียนได้เรียก{{TextTerm|ผู้ไม่รู้หนังสือ|3|342}} การจบชั้นเรียนหนึ่งหรือระดับหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้รู้หนังสือ {{TextTerm|สถิติความสำเร็จทางการศึกษา|4|342}}จำแนกบุคคลตาม{{TextTerm|ชั้นเรียนที่จบ|5|342}} {{TextTerm|จำนวนปีที่จบการศึกษา|5|342|2|IndexEntry=จำนวนปีที่จบการศึกษา}} หรือที่ไม่ค่อยใช้กันมากนักคือจำแนกตาม{{TextTerm|อายุที่ออกจากโรงเรียน|6|342}} การจำแนกอีกประเภทหนึ่งคือ จำแนกออกตาม{{TextTerm|วุฒิบัตร|7|342}} {{TextTerm|ปริญญาบัตร|7|342|2}} หรือ {{TextTerm|ประกาศนียบัตร|7|342|3}}ที่ได้รับ หรือจำแนกตามการจัดหลักสูตร{{TextTerm|การสอน|8|342}}ในแต่ละประเทศ
{{Note|2| {{NoteTerm|Literate}}, adj. - {{NoteTerm|literacy}}, n. {{NoteTerm|Literacy statistics}} are the part of {{NoteTerm|education statistics}} that refer to the ability to read and write. The {{NoteTerm|literacy ratio}} is the proportion of the population covered that is literate. Its complement is the {{NoteTerm|illiteracy ratio}}.}}
+
{{Note|2| {{NoteTerm|สถิติการรู้หนังสือ}} (literacy statistics) เป็นส่วนหนึ่งของ{{NoteTerm|สถิติการศึกษา}} ซึ่งหมายถึงความสามารถที่อ่านและเขียน  {{NoteTerm|อัตราส่วนการรู้หนังสือ}}เป็นสัดส่วนของประชากรที่รู้หนังสือ  อีกด้านของอัตราส่วนนี้คือ{{NoteTerm|อัตราส่วนการไม่รู้หนังสือ}}}}
{{Note|3| {{NoteTerm|Illiterate}}, adj. - {{NoteTerm|illiteracy}}, n. A person who is able to read but not write may be called {{NoteTerm|semi-literate}}, and such persons are sometimes classed with the literate and at other times with the illiterate population.}}
+
{{Note|3| {{NoteTerm|การไม่รู้หนังสือ}} (illiterate) บุคคลที่สามารถอ่านออกแต่เขียนไม่ได้อาจเรียกว่าเป็น{{NoteTerm|ผู้กึ่งรู้หนังสือ}} และบุคคลนั้นบางครั้งก็อาจจัดอยู่ในประเภทผู้รู้หนังสือ และบางครั้งอาจจัดเป็นผู้ไม่รู้หนังสือได้เช่นกัน}}
{{Note|4| The {{NonRefTerm|school-age population}} ({{RefNumber|34|6|7}}) is often classifed by grade or {{NoteTerm|level of enrollment}}, and attainment is then presented only for the population beyond normal school age.}}
+
{{Note|4| {{NonRefTerm|ประชากรวัยเรียน}} ({{RefNumber|34|6|7}}) มักแยกประเภทโดยชั้นเรียนหรือ{{NoteTerm|ระดับชั้นที่ลงทะเบียน}} และข้อมูลการศึกษาที่สำเร็จจึงนำเสนอเฉพาะประชากรที่อายุเลยวัยเรียนตามปรกติมาแล้ว}}
  
 
=== 343 ===
 
=== 343 ===
แถว 33: แถว 32:
  
 
ประเภทของ{{TextTerm|สถาบันทางการศึกษา|1|344|IndexEntry=สถาบันทางการศึกษา}} และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ {{NonRefTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน}} ({{RefNumber|34|3|4}}) มีอยู่ใน{{TextTerm|โรงเรียนเด็กเล็ก|2|344|IndexEntry=โรงเรียนเด็กเล็ก}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนอนุบาล|2|344|2|IndexEntry=โรงเรียนอนุบาล}} สถาบันที่ให้ทั้งสาม{{NonRefTerm|ระดับการศึกษา}} ({{RefNumber|34|3|5}}) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ {{TextTerm|โรงเรียนประถมศึกษา|3|344|IndexEntry=โรงเรียนประถมศึกษา}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนชั้นประถม|3|344|2|IndexEntry=โรงเรียนชั้นประถม}} {{TextTerm|โรงเรียนมัธยมศึกษา|4|344|IndexEntry=โรงเรียนมัธยมศึกษา}} และ {{TextTerm|วิทยาลัย|5|344|IndexEntry=วิทยาลัย}} หรือ {{TextTerm|มหาวิทยาลัย|5|344|2|IndexEntry=มหาวิทยาลัย}} สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี{{TextTerm|โรงเรียนอาชีวะ|6|344|IndexEntry=โรงเรียนอาชีวะ}}อีกหลายชนิด
 
ประเภทของ{{TextTerm|สถาบันทางการศึกษา|1|344|IndexEntry=สถาบันทางการศึกษา}} และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ {{NonRefTerm|การศึกษาก่อนวัยเรียน}} ({{RefNumber|34|3|4}}) มีอยู่ใน{{TextTerm|โรงเรียนเด็กเล็ก|2|344|IndexEntry=โรงเรียนเด็กเล็ก}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนอนุบาล|2|344|2|IndexEntry=โรงเรียนอนุบาล}} สถาบันที่ให้ทั้งสาม{{NonRefTerm|ระดับการศึกษา}} ({{RefNumber|34|3|5}}) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ {{TextTerm|โรงเรียนประถมศึกษา|3|344|IndexEntry=โรงเรียนประถมศึกษา}} หรือ{{TextTerm|โรงเรียนชั้นประถม|3|344|2|IndexEntry=โรงเรียนชั้นประถม}} {{TextTerm|โรงเรียนมัธยมศึกษา|4|344|IndexEntry=โรงเรียนมัธยมศึกษา}} และ {{TextTerm|วิทยาลัย|5|344|IndexEntry=วิทยาลัย}} หรือ {{TextTerm|มหาวิทยาลัย|5|344|2|IndexEntry=มหาวิทยาลัย}} สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี{{TextTerm|โรงเรียนอาชีวะ|6|344|IndexEntry=โรงเรียนอาชีวะ}}อีกหลายชนิด
{{Note|5| The term {{NoteTerm|college}} is used in a variety of senses; a {{NoteTerm|university college}} is either an institution of higher learning which has not full university status, or it may be a constituent college of a university. }}
+
{{Note|5| คำว่า{{NoteTerm|วิทยาลัย}} (college) มีหลายความหมาย  {{NoteTerm|วิทยาลัย}} (university college) อาจเป็นสถาบันการเรียนขั้นสูงขึ้นไปแต่ยังไม่มีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นส่วนประกอบของมหาวิทยาลัย}}
  
 
=== 345 ===
 
=== 345 ===
  
 
{{TextTerm|ชั้นเรียน|1|345}} (cf. {{RefNumber|13|0|8}}) หมายถึงกลุ่มของ{{TextTerm|นักเรียน|2|345}}ที่มี{{TextTerm|ครู|3|345}}คนเดียวกันและพบกันใน{{TextTerm|ห้องเรียน|4|345}}เดียวกัน และโดยทั่วไปจะได้รับการสอนพร้อมๆ กัน กลุ่มของนักเรียนซึ่งเรียนอยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันกล่าวได้ว่าอยู่ใน{{TextTerm|เกรด|5|345}}เดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา หรือใน{{TextTerm|ชั้น|5|345|2}} หรือ{{TextTerm|ฟอร์ม|5|345|3}} (cf. {{RefNumber|20|6|1}})เดียวกันในประเทศอังกฤษ ศัพท์คำว่า{{TextTerm|นักศึกษา|6|345}} โดยทั่วไปใช้สำหรับนักเรียนที่ได้รับการศึกษาขั้นสูงขึ้นไป แต่ก็ใช้แทนกันได้กับคำว่า "นักเรียน" (pupil) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา  
 
{{TextTerm|ชั้นเรียน|1|345}} (cf. {{RefNumber|13|0|8}}) หมายถึงกลุ่มของ{{TextTerm|นักเรียน|2|345}}ที่มี{{TextTerm|ครู|3|345}}คนเดียวกันและพบกันใน{{TextTerm|ห้องเรียน|4|345}}เดียวกัน และโดยทั่วไปจะได้รับการสอนพร้อมๆ กัน กลุ่มของนักเรียนซึ่งเรียนอยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันกล่าวได้ว่าอยู่ใน{{TextTerm|เกรด|5|345}}เดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา หรือใน{{TextTerm|ชั้น|5|345|2}} หรือ{{TextTerm|ฟอร์ม|5|345|3}} (cf. {{RefNumber|20|6|1}})เดียวกันในประเทศอังกฤษ ศัพท์คำว่า{{TextTerm|นักศึกษา|6|345}} โดยทั่วไปใช้สำหรับนักเรียนที่ได้รับการศึกษาขั้นสูงขึ้นไป แต่ก็ใช้แทนกันได้กับคำว่า "นักเรียน" (pupil) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา  
{{Note|2| A {{NoteTerm|scholar}} in Britain is generally a pupil or student who has been given a scholarship from public or private funds; the use of the term as a synonym for pupil is archaic. In the United States of America such a student would be called a {{NoteTerm|scholarship holder}} or {{NoteTerm|scholarship student}}.}}
+
{{Note|2| คำว่า {{NoteTerm|scholar}} ในอังกฤษหมายถึงนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนของรัฐหรือเอกชน คำนี้เป็นศัพท์โบราณที่หมายถึงนักเรียน  ในสหรัฐอเมริกา นักศึกษาผู้ได้รับทุนเรียนเรียกว่า{{NoteTerm|ผู้ได้รับทุนการศึกษา}} หรือ{{NoteTerm|นักเรียนทุน}}}}
{{Note|6| A university student who has not yet taken his first degree is an {{NoteTerm|undergraduate}}. A {{NoteTerm|graduate}} (cf. {{RefNumber|15|1|1}}*) in Great Britain is the holder of a university degree; in the United States of America the term may be used for anyone completing his studies at the university, high school, or even primary school. {{NoteTerm|In}} the {{NonRefTerm|U.S}}., a {{NoteTerm|graduate student}} is one who is pursuing a second degree, the equivalent of a {{NoteTerm|post-graduate student}} in the British system.}}
+
{{Note|6| นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยังไม่ได้รับปริญญาตรีเรียก {{NoteTerm|undergraduate}} {{NoteTerm|graduate}} (cf. {{RefNumber|15|1|1}}*) ในอังกฤษคือผู้ที่ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ในสหรัฐอเมริกา ศัพท์คำนี้อาจใช้สำหรับใครก็ได้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โรงเรียนมัธยม หรือแม้กระทั่งโรงเรียนประถม  ใน{{NonRefTerm|สหรัฐอเมริกา}} {NoteTerm|graduate student}} ได้แก่ผู้กำลังเรียนเพื่อปริญญาที่สอง ซึ่งเทียบเท่ากับ {{NoteTerm|post-graduate student}} ในอังกฤษ}}
  
 
=== 346 ===
 
=== 346 ===
  
 
{{TextTerm|สถิติโรงเรียนปัจจุบัน|1|346}}อาจแยกระหว่างจำนวนของ{{TextTerm|นักเรียนที่ลงทะเบียน|2|346|IndexEntry=นักเรียนที่ลงทะเบียน}} กับจำนวน{{TextTerm|นักเรียนที่เข้าเรียน|3|346|IndexEntry=นักเรียนที่เข้าเรียน}} การเปรียบเทียบตัวเลขสองจำนวนนี้ให้ค่าของ{{TextTerm|อัตราส่วนการเข้าเรียน|4|346}} {{TextTerm|การศึกษาภาคบังคับ|5|346}}แสดงว่ามีพิสัยของอายุที่ต้องเข้าเรียนซึ่งบังคับโดยกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับทำให้ระบุจำนวน{{TextTerm|เด็กในวัยเรียน|6|346}}หรือ{{TextTerm|ประชากรวัยเรียน|7|346}}ได้ด้วยเกณฑ์ทางกฎหมาย
 
{{TextTerm|สถิติโรงเรียนปัจจุบัน|1|346}}อาจแยกระหว่างจำนวนของ{{TextTerm|นักเรียนที่ลงทะเบียน|2|346|IndexEntry=นักเรียนที่ลงทะเบียน}} กับจำนวน{{TextTerm|นักเรียนที่เข้าเรียน|3|346|IndexEntry=นักเรียนที่เข้าเรียน}} การเปรียบเทียบตัวเลขสองจำนวนนี้ให้ค่าของ{{TextTerm|อัตราส่วนการเข้าเรียน|4|346}} {{TextTerm|การศึกษาภาคบังคับ|5|346}}แสดงว่ามีพิสัยของอายุที่ต้องเข้าเรียนซึ่งบังคับโดยกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับทำให้ระบุจำนวน{{TextTerm|เด็กในวัยเรียน|6|346}}หรือ{{TextTerm|ประชากรวัยเรียน|7|346}}ได้ด้วยเกณฑ์ทางกฎหมาย
{{Note|4| The {{NoteTerm|อัตราส่วนการเข้าเรียน}}เป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่เข้าเรียนต่อนักเรียนที่ลงทะเบียน ในขณะที่{{NoteTerm|อัตราส่วนการลงทะเบียน}}เป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่ลงทะเบียนต่อประชากรวัยเรียน}}
+
{{Note|4| {{NoteTerm|อัตราส่วนการเข้าเรียน}}เป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่เข้าเรียนต่อนักเรียนที่ลงทะเบียน ในขณะที่{{NoteTerm|อัตราส่วนการลงทะเบียน}}เป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่ลงทะเบียนต่อประชากรวัยเรียน}}
  
 
=== 347 ===
 
=== 347 ===

รุ่นปรับปรุงเมื่อ 10:13, 17 พฤษภาคม 2556


ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ : ผู้สนับสนุนทั้งหลายของดีโมพีเดียไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความหมายของศัพท์ต่างๆ ที่อยู่ในพจนานุกรมฉบับปรังปรุงนี้

พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาพ ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ยังอยู่่ระหว่างการดำเนินงาน หากต้องการเสนอข้อคิดเห็นใดๆ กรุณาใช้พื้นที่อภิปราย


ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจำแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93


340

ประชากรอาจจำแนกออกตาม ภาษา1 หรือ ภาษาถิ่น2ที่พูดกันอยู่ประจำ มีการแยกความแตกต่างระหว่าง ภาษาแม่3 หรือ ภาษาพูดที่บ้าน3ของบุคคล ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดที่บ้านในช่วงวัยเด็ก กับ ภาษาปรกติ4 ซึ่งเป็นภาษาที่เขาใช้พูดในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างระหว่างภาษาทั้งสองแยกได้ไม่ง่ายนักในหมู่คน สองภาษา5 หรือ พหุภาษา5 สถิติที่เสนอข้อมูลในหัวข้อเหล่านี้เรียกว่า สถิติของภาษา6

  • 1. ภาษาศาสตร์ (linguistics) การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะ โครงสร้าง กำเนิด และความหมายของภาษาและคำพูดของมนุษย์
  • 2. ภาษาท้องถิ่น (dialect) เป็นภาษาที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นในเรื่องแบบแผนของการออกเสียง ไวยากรณ์ และศัพท์

341

สถิติทางศาสนา1แบ่งประชากรออกตามศาสนาที่คนนับถือ โดยทั่วไปแยกความแตกต่างระหว่าง ศาสนา2หลักกับ นิกาย3 พิธีกรรม4 หรือ สำนัก5ของศาสนานั้นๆ บุคคลที่ไม่มีศาสนาอาจเรียกตนเองว่าเป็น ผู้ไม่มีศาสนา6 ผู้คิดอิสระ6 หรือ ผู้ไม่มีพระเจ้า6

  • 4. พิธีกรรม (rite) อาจใช้ในความหมายของพิธีกรรมทางศาสนา

342

ประชากรมักจำแนกออกตาม สถานภาพทางการศึกษา1 บุคคลผู้สามารถอ่านและเขียนได้เรียก ผู้รู้หนังสือ2 คนที่มีอายุถึงอายุหนึ่งและไม่สามารถอ่านและเขียนได้เรียก ผู้ไม่รู้หนังสือ3 การจบชั้นเรียนหนึ่งหรือระดับหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้รู้หนังสือ สถิติความสำเร็จทางการศึกษา4จำแนกบุคคลตาม ชั้นเรียนที่จบ5 จำนวนปีที่จบการศึกษา5 หรือที่ไม่ค่อยใช้กันมากนักคือจำแนกตาม อายุที่ออกจากโรงเรียน6 การจำแนกอีกประเภทหนึ่งคือ จำแนกออกตาม วุฒิบัตร7 ปริญญาบัตร7 หรือ ประกาศนียบัตร7ที่ได้รับ หรือจำแนกตามการจัดหลักสูตร การสอน8ในแต่ละประเทศ

  • 2. สถิติการรู้หนังสือ (literacy statistics) เป็นส่วนหนึ่งของสถิติการศึกษา ซึ่งหมายถึงความสามารถที่อ่านและเขียน อัตราส่วนการรู้หนังสือเป็นสัดส่วนของประชากรที่รู้หนังสือ อีกด้านของอัตราส่วนนี้คืออัตราส่วนการไม่รู้หนังสือ
  • 3. การไม่รู้หนังสือ (illiterate) บุคคลที่สามารถอ่านออกแต่เขียนไม่ได้อาจเรียกว่าเป็นผู้กึ่งรู้หนังสือ และบุคคลนั้นบางครั้งก็อาจจัดอยู่ในประเภทผู้รู้หนังสือ และบางครั้งอาจจัดเป็นผู้ไม่รู้หนังสือได้เช่นกัน
  • 4. ประชากรวัยเรียน (346-7) มักแยกประเภทโดยชั้นเรียนหรือระดับชั้นที่ลงทะเบียน และข้อมูลการศึกษาที่สำเร็จจึงนำเสนอเฉพาะประชากรที่อายุเลยวัยเรียนตามปรกติมาแล้ว

343

ระบบการศึกษา1หมายรวมสถาบันทั้งหมดทั้งของรัฐและเอกชนที่ทำการสอนอยู่ในประเทศ เมื่อสถาบันการศึกษาทั้งสองประเภทมีอยู่ในประเทศหนึ่ง จะแยกความแตกต่างระหว่าง การศึกษาของรัฐ2 กับ การศึกษาของเอกชน3 หลังจาก การศึกษาก่อนวัยเรียน4แล้ว ปรกติจะแยกระหว่าง ระดับการศึกษา5สามระดับซึ่งเรียงลำดับขึ้นไปดังนี้ ประถมศึกษา6 มัธยมศึกษา7ซึ่งมักแยกออกเป็นหลาย รอบ8 หรือหลาย สาขาวิชา8 กับ การศึกษาสูงขึ้นไป9 ในการศึกษาสูงขึ้นไปรวมถึงหลักสูตรการศึกษาซึ่งนำไปสู่ ปริญญามหาวิทยาลัย11 การศึกษาวิชาชีพ12 หรือ อาชีวศึกษา12อาจให้ได้ในระดับมัธยมศึกษาหรือระดับการศึกษาสูงขึ้นไป

344

ประเภทของ สถาบันทางการศึกษา1 และชื่อของสถาบันเหล่านั้นขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาเฉพาะของแต่ละประเทศ การศึกษาก่อนวัยเรียน (343-4) มีอยู่ใน โรงเรียนเด็กเล็ก2 หรือ โรงเรียนอนุบาล2 สถาบันที่ให้ทั้งสามระดับการศึกษา (343-5) ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นปรกติจะเรียกตามลำดับดังนี้ โรงเรียนประถมศึกษา3 หรือ โรงเรียนชั้นประถม3 โรงเรียนมัธยมศึกษา4 และ วิทยาลัย5 หรือ มหาวิทยาลัย5 สถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นไปอาจมี โรงเรียนอาชีวะ6อีกหลายชนิด

  • 5. คำว่าวิทยาลัย (college) มีหลายความหมาย วิทยาลัย (university college) อาจเป็นสถาบันการเรียนขั้นสูงขึ้นไปแต่ยังไม่มีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นส่วนประกอบของมหาวิทยาลัย

345

ชั้นเรียน1 (cf. 130-8) หมายถึงกลุ่มของ นักเรียน2ที่มี ครู3คนเดียวกันและพบกันใน ห้องเรียน4เดียวกัน และโดยทั่วไปจะได้รับการสอนพร้อมๆ กัน กลุ่มของนักเรียนซึ่งเรียนอยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันกล่าวได้ว่าอยู่ใน เกรด5เดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา หรือใน ชั้น5 หรือ ฟอร์ม5 (cf. 206-1)เดียวกันในประเทศอังกฤษ ศัพท์คำว่า นักศึกษา6 โดยทั่วไปใช้สำหรับนักเรียนที่ได้รับการศึกษาขั้นสูงขึ้นไป แต่ก็ใช้แทนกันได้กับคำว่า "นักเรียน" (pupil) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา

  • 2. คำว่า scholar ในอังกฤษหมายถึงนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้รับทุนจากแหล่งทุนของรัฐหรือเอกชน คำนี้เป็นศัพท์โบราณที่หมายถึงนักเรียน ในสหรัฐอเมริกา นักศึกษาผู้ได้รับทุนเรียนเรียกว่าผู้ได้รับทุนการศึกษา หรือนักเรียนทุน
  • 6. นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยังไม่ได้รับปริญญาตรีเรียก undergraduate graduate (cf. 151-1*) ในอังกฤษคือผู้ที่ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ในสหรัฐอเมริกา ศัพท์คำนี้อาจใช้สำหรับใครก็ได้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โรงเรียนมัธยม หรือแม้กระทั่งโรงเรียนประถม ในสหรัฐอเมริกา {NoteTerm ได้แก่ผู้กำลังเรียนเพื่อปริญญาที่สอง ซึ่งเทียบเท่ากับ post-graduate student ในอังกฤษ}}

346

สถิติโรงเรียนปัจจุบัน1อาจแยกระหว่างจำนวนของ นักเรียนที่ลงทะเบียน2 กับจำนวน นักเรียนที่เข้าเรียน3 การเปรียบเทียบตัวเลขสองจำนวนนี้ให้ค่าของ อัตราส่วนการเข้าเรียน4 การศึกษาภาคบังคับ5แสดงว่ามีพิสัยของอายุที่ต้องเข้าเรียนซึ่งบังคับโดยกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับทำให้ระบุจำนวน เด็กในวัยเรียน6หรือ ประชากรวัยเรียน7ได้ด้วยเกณฑ์ทางกฎหมาย

  • 4. อัตราส่วนการเข้าเรียนเป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่เข้าเรียนต่อนักเรียนที่ลงทะเบียน ในขณะที่อัตราส่วนการลงทะเบียนเป็นอัตราส่วนของนักเรียนที่ลงทะเบียนต่อประชากรวัยเรียน

347

สถิติอย่างอื่นจะเกี่ยวข้องกับการเลื่อนชั้นทางการศึกษา ปรกติบุคคลจะเลื่อนชั้นขึ้นไปทีละชั้น จากชั้นต่ำสุดของโรงเรียนประถมศึกษาไปจนจบการศึกษา การออกจากโรงเรียน1เมื่อมีการใช้กฎหมายการศึกษาภาคบังคับจะกระทำมิได้ในช่วงวัยเรียนเว้นแต่จะมีสาเหตุเนื่องจากการเจ็บป่วยและการตาย อัตราการหยุดพักเรียน2คือความน่าจะเป็นของการออกจากโรงเรียนก่อนที่จะจบการศึกษาในระดับนั้นไม่ว่าจะออกในช่วงระหว่างปีหรือเมื่อจบชั้นการศึกษา อัตรานี้คำนวณได้ด้วยวิธีเดียวกันกับความน่าจะเป็นของการตายในตารางชีพ ส่วนที่ทำให้อัตรานี้เติมเต็ม 1 คือ อัตราเรียนต่อ3 อัตราเช่นนี้สามารถนำมาใช้คำนวณ ตารางของชีวิตวัยเรียน4 ซึ่งจากตารางนี้สามารถอนุมาน ระยะเวลาเฉลี่ยของการศึกษา5ได้ เมื่อจบปีการศึกษา นักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่หยุดการศึกษาของตนอาจจะเรียนซ้ำชั้นหรือขึ้นชั้นที่สูงขึ้นไปโดยมีหรือไม่มี การเปลี่ยนสายวิชา6

* * *

ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจำแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93

ดึงข้อมูลจาก "http://th-ii.demopaedia.org/w/index.php?title=34&oldid=473"