The Demopædia Encyclopedia on Population is under heavy modernization and maintenance. Outputs could look bizarre, sorry for the temporary inconvenience

พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาษา ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ภาษาไทย

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "15"

จาก Demopædia
(150)
(155)
 
(ไม่แสดง 16 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
แถว 11: แถว 11:
 
เมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของตัวแปรทางประชากรตามเวลาที่เปลี่ยนไป ก็จะได้{{TextTerm|อนุกรมเวลา|1|150}}ทางประชากร บางครั้งเป็นไปได้ที่จะแยกส่วนประกอบของอนุกรมเวลาออกเป็น{{TextTerm|แนวโน้ม|2|150}} ซึ่งจะมี{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ|3|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ}} {{TextTerm|ความผันแปร|3|150|2|IndexEntry=ความผันแปร}}หรือ{{TextTerm|ความเบี่ยงเบน|3|150|3|IndexEntry=ความเบี่ยงเบน}} ({{RefNumber|14|1|2}}) เมื่อการขึ้นๆ ลงๆ เช่นนั้นมักจะเกิดขึ้นหลังจากระยะเลาหนึ่ง โดยปรกติเป็นเวลาหลายๆ ปีก็เรียกว่าเป็น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามรอบ|4|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามรอบ}} หรือให้มีความหมายทั่วไปยิ่งขึ้น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา|4|150|2|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา}} ในวิชาประชากรศาสตร์ ระยะเวลาที่ใช้กันมากที่สุดในการรวบรวมข้อมูลคือหนึ่งปี และการขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงเวลาย่อยของปีจะเรียกว่า{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาล|5|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาล}} การขึ้นๆ ลงๆ ที่ยังคงอยู่หลังจากแนวโน้มการขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาลและตามรอบได้ถูกขจัดออกไปแล้วเรียกว่า{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติ|6|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติ}} การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติอาจเนื่องมาจากปัจจัยที่เป็นข้อยกเว้นอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายคนในช่วงสงคราม หรือบางครั้งอาจเป็น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามโอกาส|7|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามโอกาส}}หรือ{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ โดยบังเอิญ|7|150|2}}
 
เมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของตัวแปรทางประชากรตามเวลาที่เปลี่ยนไป ก็จะได้{{TextTerm|อนุกรมเวลา|1|150}}ทางประชากร บางครั้งเป็นไปได้ที่จะแยกส่วนประกอบของอนุกรมเวลาออกเป็น{{TextTerm|แนวโน้ม|2|150}} ซึ่งจะมี{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ|3|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ}} {{TextTerm|ความผันแปร|3|150|2|IndexEntry=ความผันแปร}}หรือ{{TextTerm|ความเบี่ยงเบน|3|150|3|IndexEntry=ความเบี่ยงเบน}} ({{RefNumber|14|1|2}}) เมื่อการขึ้นๆ ลงๆ เช่นนั้นมักจะเกิดขึ้นหลังจากระยะเลาหนึ่ง โดยปรกติเป็นเวลาหลายๆ ปีก็เรียกว่าเป็น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามรอบ|4|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามรอบ}} หรือให้มีความหมายทั่วไปยิ่งขึ้น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา|4|150|2|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา}} ในวิชาประชากรศาสตร์ ระยะเวลาที่ใช้กันมากที่สุดในการรวบรวมข้อมูลคือหนึ่งปี และการขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงเวลาย่อยของปีจะเรียกว่า{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาล|5|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาล}} การขึ้นๆ ลงๆ ที่ยังคงอยู่หลังจากแนวโน้มการขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาลและตามรอบได้ถูกขจัดออกไปแล้วเรียกว่า{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติ|6|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติ}} การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติอาจเนื่องมาจากปัจจัยที่เป็นข้อยกเว้นอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายคนในช่วงสงคราม หรือบางครั้งอาจเป็น{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ ตามโอกาส|7|150|IndexEntry=การขึ้นๆ ลงๆ ตามโอกาส}}หรือ{{TextTerm|การขึ้นๆ ลงๆ โดยบังเอิญ|7|150|2}}
 
{{Note|3| ในความหมายทั่วไปคำว่า{{NoteTerm|ความผันแปร}}อาจใช้เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงในค่าใดหรือชุดของค่าของตัวแปรหนึ่ง}}
 
{{Note|3| ในความหมายทั่วไปคำว่า{{NoteTerm|ความผันแปร}}อาจใช้เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงในค่าใดหรือชุดของค่าของตัวแปรหนึ่ง}}
{{Note|4| {{NoteTerm|Periodic}}, adj. - {{NoteTerm|period}}, n. - {{NoteTerm|periodicity}}, n. {{NoteTerm|cyclical}}, adj. - {{NoteTerm|cycle}}, n.}}
 
{{Note|7| {{NoteTerm|Random}}, adj.: under the influence of chance (cf. {{RefNumber|16|1|1}}).}}
 
  
 
=== 151 ===
 
=== 151 ===
  
It is occasionally desirable to replace a series of figures by another series that shows greater regularity. This process is known as {{TextTerm|graduation|1|151}} or {{TextTerm|smoothing|1|151|2}}, and it generally consists of passing a smooth curve through a number of points in the time series or other series, such as the number of persons distributed by reported age. If a free-hand curve is drawn the process is called {{TextTerm|graphic graduation|2|151|OtherIndexEntry=graduation, graphic}}. When analytical mathematical methods are used, this is called {{TextTerm|curve fitting|3|151|OtherIndexEntry=fitting, curve}}. A mathematical curve is fitted to the data, possibly by the {{TextTerm|method of least squares|4|151|OtherIndexEntry=least squares, method of}}, which minimizes the sum of the squares of the differences between the original and the graduated series. Other methods include {{TextTerm|moving averages|5|151|IndexEntry=moving average|OtherIndexEntry=average, moving}} or involve the use of the {{TextTerm|calculus of finite differences|6|151|OtherIndexEntry=differences, calculus of finite}}. Some of these procedures may be used for {{TextTerm|interpolation|7|151}}, the estimation of values of the series at points intermediate between given values, or for {{TextTerm|extrapolation|8|151}}, the estimation of values outside of the range for which it was given.
+
บางครั้งเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะแทนอนุกรมของตัวเลขชุดหนึ่งด้วยอนุกรมอีกชุดหนึ่งที่แสดงว่ามีความสม่่ำเสมอกว่า กระบวนการนี้รู้จักกันว่าเป็น{{TextTerm|การปรับให้ค่อยๆ เปลี่ยน|1|151}}หรือ{{TextTerm|การปรับให้เรียบ|1|151|2}} และกระบวนการนี้ประกอบด้วยการพาดเส้นโค้งเรียบเส้นหนึ่งผ่านจุดต่างๆ ในอนุกรมเวลาหรืออนุกรมอื่นๆ เช่น จำนวนของบุคคลที่กระจายตามอายุที่รายงาน ถ้าเส้นโค้งเกิดจากการลากด้วยมือ กระบวนการนี้เรียกว่า{{TextTerm|การปรับให้ค่อยๆ เปลี่ยนโดยกราฟ|2|151}} เมื่อใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ในการปรับข้อมูล จะเรียกว่า{{TextTerm|การปรับเส้นโค้ง|3|151}} เส้นโค้งทางคณิตศาสตร์จะปรับให้สอดคล้องกับข้อมูลอาจจะด้วย{{TextTerm|วิธีกำลังสองน้อยที่สุด|4|151}}ซึ่งจะทำให้ผลรวมของค่ายกกำลังสองของความแตกต่างระหว่างอนุกรมข้อมูลก่อนและหลังปรับมีค่าน้อยที่สุด วิธีการอื่นๆ เช่น{{TextTerm|การเลื่อนค่าเฉลี่ย|5|151|IndexEntry=การเลื่อนค่าเฉลี่ย|OtherIndexEntry=ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่}} หรือวิธีการที่เกี่ยวข้องกับ{{TextTerm|แคลคูลัสของค่าความแตกต่างที่ไม่เป็นศูนย์|6|151}} อาจใช้กระบวนการบางอย่างเพื่อ{{TextTerm|การประมาณค่าระหว่างช่วง|7|151}} การประมาณค่าของอนุกรมที่จุดระหว่างกลางค่าที่ให้มา หรือเพื่อ{{TextTerm|การประมาณค่านอกช่วง|8|151}} การประมาณค่าที่จุดภายนอกของพิสัยของค่าที่ให้มา
{{Note|1| {{NoteTerm|Graduation}}, n. - {{NoteTerm|graduate}}, v. - {{NoteTerm|graduated}}, adj. {{NoteTerm|Smoothing}}, n. - {{NoteTerm|smooth}}, v. - {{NoteTerm|smoothed}}, adj.}}
 
{{Note|7| {{NoteTerm|Interpolation}}, n. - {{NoteTerm|interpolate}}, v. - {{NoteTerm|interpolated}}, adj.}}
 
{{Note|8| {{NoteTerm|Extrapolation}}, n. - {{NoteTerm|extrapolate}}, v. - {{NoteTerm|extrapolated}}, adj.}}
 
  
 
=== 152 ===
 
=== 152 ===
  
It is often necessary to graduate distributions to correct the tendency of people to give their replies in {{TextTerm|round numbers|1|152|IndexEntry=round number|OtherIndexEntry=number, round}}. {{TextTerm|Heaping|2|152}} or {{TextTerm|digit preference|2|152|2|OtherIndexEntry=preference, digit}} is particularly frequent in age distributions and reflects a tendency for people to state their ages in numbers ending with 0, 5, or other preferred digits. {{TextTerm|Age heaping|3|152|OtherIndexEntry=heaping, age}} is sometimes measured with {{TextTerm|indices of age preference|4|152|IndexEntry=index of age preference}}. Age data must often be corrected for other forms of {{TextTerm|age misreporting|5|152|OtherIndexEntry=misreporting, age}} or {{TextTerm|age reporting bias|5|152|2|OtherIndexEntry=bias, age reporting}}.
+
บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องปรับการกระจายของข้อมูลให้ค่อยๆ เปลี่ยนเพื่อแก้ความโน้มเอียงที่ผู้คนจะให้คำตอบเป็น{{TextTerm|จำนวนกลม|1|152|IndexEntry=จำนวนกลม}} {{TextTerm|การกองข้อมูล|2|152}} หรือ{{TextTerm|การนิยมตัวเลข|2|152|2}}เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะในการกระจายอายุ และสะท้อนความโน้มเอียงของผู้คนที่จะบอกอายุของตนด้วยจำนวนที่ลงท้ายด้วย 0 5 หรือเลขอื่นๆ ที่นิยม {{TextTerm|การกองอายุ|3|152}}บางครั้งวัดได้ด้วย{{TextTerm|ดัชนีการนิยมอายุ|4|152|IndexEntry=ดัชนีการนิยมอายุ}} ข้อมูลอายุมักต้องปรับเพื่อแก้รูปแบบอื่นๆ ของ{{TextTerm|การรายงานอายุผิดพลาด|5|152}} หรือ{{TextTerm|ความลำเอียงในการรายงานอายุ|5|152|2}}
  
 
=== 153 ===
 
=== 153 ===
  
The numerical values of demographic functions are generally listed in {{TextTerm|tables|1|153|IndexEntry=table}}, such as {{NonRefTerm|life tables}} ({{RefNumber|43|1|1}}), {{NonRefTerm|fertility tables}} ({{RefNumber|63|4|1}}), or {{NonRefTerm|nuptiality tables}} ({{RefNumber|52|2|1}}). A distinction is usually made between {{TextTerm|calendar-year tables|2|153|IndexEntry=calendar-year table|OtherIndexEntry=table, calendar-year}} or {{TextTerm|period tables|2|153|2|IndexEntry=period table|OtherIndexEntry=table, period}} which are based upon observations collected during a limited period of time, and {{TextTerm|cohort tables|3|153|IndexEntry=cohort table|OtherIndexEntry=table, cohort}} or {{TextTerm|generation tables|3|153|2|IndexEntry=generation table|OtherIndexEntry=table, generation}} which deal with the experience of a cohort throughout its lifetime. A {{TextTerm|multiple decrement table|4|153|OtherIndexEntry=table, multiple decrement}} illustrates the simultaneous effects of several non-renewable events, such as the effects of first marriage and death on the single population. The most used are {{TextTerm|double decrement tables|4|153|2|IndexEntry=double decrement table|OtherIndexEntry=table, double decrement}}. {{NewTextTerm|Forecast tables|5|153|IndexEntry=forecast table|OtherIndexEntry=table. forecast ...}} provide numerical values of demographic functions, like {{NonRefTerm|survival functions}} ({{RefNumber|43|1|6}}) for example, which can be used directly for {{NonRefTerm|population forecast}} (cf. {{RefNumber|72|0|2}}). When a population is classified in two or more categories according to age, like economic status (women in the labor force or out of the labor force, for example), marital statuses, regions etc. and when continuous flows between categories are possible over time even if the individual state can usually be measured only at discrete times (waves of a longitudinal study, queries to population registers etc.), {{NewTextTerm|increment-decrement methods|6|153}} or {{NewTextTerm|multi-state methods|6|153}} are more and more developed and used.
+
ค่าตัวเลขของฟังก์ชันทางประชากรต่างๆ โดยทั่วไปจะใส่ไว้ใน{{TextTerm|ตาราง|1|153|IndexEntry=ตาราง}} อย่างเช่น{{NonRefTerm|ตารางชีพ}} ({{RefNumber|43|1|1}}) {{NonRefTerm|ตารางภาวะเจริญพันธุ์}} ({{RefNumber|63|4|1}}) หรือ{{NonRefTerm|ตารางภาวะสมรส}} ({{RefNumber|52|2|1}}) ปรกติจะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง{{TextTerm|ตารางตามปีปฏิทิน|2|153|IndexEntry=ตารางตามปีปฏิทิน}} หรือ{{TextTerm|ตารางตามช่วงเวลา|2|153|2|IndexEntry=ตารางตามช่วงเวลา}}ซึ่งแสดงข้อมูลที่รวบรวมในช่วงเวลาที่จำกัด และ{{TextTerm|ตารางตามรุ่น|3|153|IndexEntry=ตารางตามรุ่น}} หรือ{{TextTerm|ตารางตามรุ่นวัย|3|153|2|IndexEntry=ตารางตามรุ่นวัย}}ซึ่งเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ตลอดชั่วชีวิตของคนรุ่นหนึ่ง {{TextTerm|ตารางแบบลดลงหลายทาง|4|153}}แสดงผลพร้อมๆ กันของเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่หลายๆ อย่าง อย่างเช่นผลของการแต่งงานครั้งแรกและการตายต่อประชากรกลุ่มเดียว ตารางที่ใช้กันมากที่สุดคือ{{TextTerm|ตารางแบบลดลงสองทาง|4|153|2|IndexEntry=ตารางแบบลดลงสองทาง}} {{TextTerm|ตารางพยากรณ์|5|153|IndexEntry=ตารางพยากรณ์}}ให้ค่าตัวเลขของฟังก์ชันทางประชากร เช่น{{NonRefTerm|ฟังก์ชันการรอดชีพ}} ({{RefNumber|43|1|6}}) ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อ{{NonRefTerm|พยากรณ์ประชากร}} (cf. {{RefNumber|72|0|2}}) ได้โดยตรงเมื่อประชากรถูกจำแนกออกเป็นสองหรือมากกว่าสองกลุ่มอายุตามสถานภาพทางเศรษฐกิจ (เช่น สตรีในหรือนอกกำลังแรงงาน) สถานภาพสมรส ภาค ฯลฯ และเมื่อมีความเป็นไปได้ของทิศทางที่ต่อเนื่องระหว่างกลุ่มเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ว่าสถานะแต่ละบุคคลสามารถวัดได้ในเวลาที่แยกๆ กันเท่านั้น (คลื่นของการศึกษาระยะยาว การสอบถามถึงการจดทะเบียนประชากร ฯลฯ) {{TextTerm|วิธีเพิ่มขึ้น-ลดลง|6|153}} หรือ{{TextTerm|วิธีหลายสถานะ|6|153}}ถูกพัฒนาและนำมาใช้
  
 
=== 154 ===
 
=== 154 ===
  
Where insufficient data exist to establish the value of a given variable accurately, attempts may be made to {{TextTerm|estimate|1|154}} this value. The process is called {{TextTerm|estimation|2|154}} and the resulting value an {{TextTerm|estimate|3|154}}. Where data are practically non-existent a {{TextTerm|conjecture|4|154}} may sometimes be made to establish the variable’s {{TextTerm|order of magnitude|5|154|OtherIndexEntry=magnitude, order of}} .
+
เมื่อข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะให้ค่าของตัวแปรหนึ่งได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อาจต้องมีการ{{TextTerm|ประมาณ|1|154}}ค่านี้ กระบวนการนี้เรียกว่า{{TextTerm|การประมาณ|2|154}} และค่าที่เป็นผลลัพธ์จะเรียกว่า{{TextTerm|ค่าประมาณ|3|154}} ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลอยู่เลย บางครั้งอาจต้องทำ{{TextTerm|การคาดคะเน|4|154}}เพื่อให้ได้{{TextTerm|ลำดับของขนาด|5|154}}
  
 
=== 155 ===
 
=== 155 ===
  
Methods of {{TextTerm|graphic representation|1|155|OtherIndexEntry=representation, graphic}} or {{TextTerm|diagrammatic representation|1|155|2|OtherIndexEntry=representation, diagrammatic}} may be used to illustrate an argument. The data are represented in a {{TextTerm|figure|2|155}}, {{TextTerm|graph|2|155|2}}, {{TextTerm|statistical chart|3|155|OtherIndexEntry=chart, statistical bar}} or {{TextTerm|map|3|155|2}}. A schematic representation of the relationships between variables is often called a {{TextTerm|diagram|4|155}}, for example the {{NonRefTerm|Lexis Diagram}} (cf. {{NonRefTerm|437}}). A graph in which one co-ordinate axis is graduated logarithmically and the other arithmetically is called a {{TextTerm|semi-logarithmic graph|5|155|OtherIndexEntry=graph, semi-logarithmic}}, though such graphs are often inaccurately referred to as {{TextTerm|logarithmic graphs|5|155|2|IndexEntry=logarithmic graph|OtherIndexEntry=graph, logarithmic}}. A true {{TextTerm|logarithmic graph|6|155|OtherIndexEntry=graph, double logarithmic}} has both axes graduated logarithmically and is sometimes referred to as a {{TextTerm|double logarithmic graph|6|155|2|OtherIndexEntry=logarithmic graph, double}}. A frequency distribution may be represented graphically by {{TextTerm|frequency polygons|7|155|IndexEntry=frequency polygon|OtherIndexEntry=polygon, frequency}} obtained by joining points representing class frequencies with straight lines, by a {{TextTerm|histogram|8|155}}, where class frequencies are represented by the area of a rectangle with the class interval as its base, by {{TextTerm|bar charts|9|155|IndexEntry=bar, chart|OtherIndexEntry=chart bar}}, in which the class frequencies are proportionate to the length of a bar or by an {{TextTerm|ogive|10|155}} representing the cumulative frequency distribution.
+
วิธี{{TextTerm|การแสดงด้วยกราฟ|1|155}} หรือ{{TextTerm|การแสดงด้วยแผนภาพ|1|155|2}}อาจใช้เพื่อแสดงข้อสรุปที่ได้รับ ข้อมูลจะนำออกแสดงในรูปของ{{TextTerm|ตัวเลข|2|155}} {{TextTerm|กราฟ|2|155|2}} {{TextTerm|แผนภูมิสถิติ|3|155}} หรือ{{TextTerm|แผนที่|3|155|2}} การนำออกแสดงอย่างมีแบบแผนของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรมักจะเรียกว่า{{TextTerm|แผนภาพ|4|155}} ตัวอย่างเช่น{{NonRefTerm|แผนภาพเล็กซิส}} (cf.{{NonRefTerm|437}}) กราฟซึ่งแกนหนึ่งมีค่าเปลี่ยนไปเชิงล็อกการิทม์และอีกแกนหนึ่งค่าเปลี่ยนไปเชิงคณิตศาสตร์จะเรียกว่า{{TextTerm|กราฟกึ่งล็อกการิทม์|5|155|OtherIndexEntry=เซมิล็อกกราฟ}} แม้ว่ากราฟเช่นนั้นถูกเรียกผิดอยู่บ่อยๆ ว่า{{TextTerm|กราฟล็อกการิทม์|5|155|2|IndexEntry=กราฟล็อกการิทม์}} {{TextTerm|กราฟล็อกการิทม์|6|155}}ที่แท้จริงทั้งสองแกนจะมีค่าเปลี่ยนไปเชิงล็อกการิทม์ บางครั้งจึงเรียกกราฟชนิดนี้ว่า{{TextTerm|กราฟล็อกการิทม์สองแกน|6|155|2}} การกระจายความถึ่อาจนำแสดงเป็นรูปภาพโดย{{TextTerm|รูปหลายเหลี่ยมความถี่|7|155|IndexEntry=รูปหลายเหลี่ยมความถี่}}ซึ่งได้จากการเชื่อมจุดที่แสดงความถี่ชั้นต่างๆ ด้วยเส้นตรง โดย{{TextTerm|กราฟแสดงความถึ่|8|155|OtherIndexEntry=ฮิสโตแกรม}} ซึ่งความถึ่ชั้นต่างๆ แสดงด้วยพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีช่วงชองชั้นนั้นเป็นฐาน โดย{{TextTerm|แผนภูมิแท่ง|9|155|IndexEntry=แผนภูมิแท่ง}}ซึ่งความถี่ของชั้นเป็นสัดส่วนกับความยาวของแท่ง หรือโดย{{TextTerm|รูปยอดแหลม|10|155}}ซึ่งแสดงการกระจายความถี่สะสม
  
 
==<center><font size=12>* * * </font></center>==
 
==<center><font size=12>* * * </font></center>==

รุ่นปัจจุบัน เมื่อ 11:26, 17 สิงหาคม 2556


ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ : ผู้สนับสนุนทั้งหลายของดีโมพีเดียไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความหมายของศัพท์ต่างๆ ที่อยู่ในพจนานุกรมฉบับปรังปรุงนี้

พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาพ ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ยังอยู่่ระหว่างการดำเนินงาน หากต้องการเสนอข้อคิดเห็นใดๆ กรุณาใช้พื้นที่อภิปราย


ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจำแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93


150

เมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของตัวแปรทางประชากรตามเวลาที่เปลี่ยนไป ก็จะได้ อนุกรมเวลา1ทางประชากร บางครั้งเป็นไปได้ที่จะแยกส่วนประกอบของอนุกรมเวลาออกเป็น แนวโน้ม2 ซึ่งจะมี การขึ้นๆ ลงๆ3 ความผันแปร3หรือ ความเบี่ยงเบน3 (141-2) เมื่อการขึ้นๆ ลงๆ เช่นนั้นมักจะเกิดขึ้นหลังจากระยะเลาหนึ่ง โดยปรกติเป็นเวลาหลายๆ ปีก็เรียกว่าเป็น การขึ้นๆ ลงๆ ตามรอบ4 หรือให้มีความหมายทั่วไปยิ่งขึ้น การขึ้นๆ ลงๆ ตามช่วงเวลา4 ในวิชาประชากรศาสตร์ ระยะเวลาที่ใช้กันมากที่สุดในการรวบรวมข้อมูลคือหนึ่งปี และการขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงเวลาย่อยของปีจะเรียกว่า การขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาล5 การขึ้นๆ ลงๆ ที่ยังคงอยู่หลังจากแนวโน้มการขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูกาลและตามรอบได้ถูกขจัดออกไปแล้วเรียกว่า การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติ6 การขึ้นๆ ลงๆ ผิดปรกติอาจเนื่องมาจากปัจจัยที่เป็นข้อยกเว้นอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายคนในช่วงสงคราม หรือบางครั้งอาจเป็น การขึ้นๆ ลงๆ ตามโอกาส7หรือ การขึ้นๆ ลงๆ โดยบังเอิญ7

  • 3. ในความหมายทั่วไปคำว่าความผันแปรอาจใช้เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงในค่าใดหรือชุดของค่าของตัวแปรหนึ่ง

151

บางครั้งเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะแทนอนุกรมของตัวเลขชุดหนึ่งด้วยอนุกรมอีกชุดหนึ่งที่แสดงว่ามีความสม่่ำเสมอกว่า กระบวนการนี้รู้จักกันว่าเป็น การปรับให้ค่อยๆ เปลี่ยน1หรือ การปรับให้เรียบ1 และกระบวนการนี้ประกอบด้วยการพาดเส้นโค้งเรียบเส้นหนึ่งผ่านจุดต่างๆ ในอนุกรมเวลาหรืออนุกรมอื่นๆ เช่น จำนวนของบุคคลที่กระจายตามอายุที่รายงาน ถ้าเส้นโค้งเกิดจากการลากด้วยมือ กระบวนการนี้เรียกว่า การปรับให้ค่อยๆ เปลี่ยนโดยกราฟ2 เมื่อใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ในการปรับข้อมูล จะเรียกว่า การปรับเส้นโค้ง3 เส้นโค้งทางคณิตศาสตร์จะปรับให้สอดคล้องกับข้อมูลอาจจะด้วย วิธีกำลังสองน้อยที่สุด4ซึ่งจะทำให้ผลรวมของค่ายกกำลังสองของความแตกต่างระหว่างอนุกรมข้อมูลก่อนและหลังปรับมีค่าน้อยที่สุด วิธีการอื่นๆ เช่น การเลื่อนค่าเฉลี่ย5 หรือวิธีการที่เกี่ยวข้องกับ แคลคูลัสของค่าความแตกต่างที่ไม่เป็นศูนย์6 อาจใช้กระบวนการบางอย่างเพื่อ การประมาณค่าระหว่างช่วง7 การประมาณค่าของอนุกรมที่จุดระหว่างกลางค่าที่ให้มา หรือเพื่อ การประมาณค่านอกช่วง8 การประมาณค่าที่จุดภายนอกของพิสัยของค่าที่ให้มา

152

บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องปรับการกระจายของข้อมูลให้ค่อยๆ เปลี่ยนเพื่อแก้ความโน้มเอียงที่ผู้คนจะให้คำตอบเป็น จำนวนกลม1 การกองข้อมูล2 หรือ การนิยมตัวเลข2เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะในการกระจายอายุ และสะท้อนความโน้มเอียงของผู้คนที่จะบอกอายุของตนด้วยจำนวนที่ลงท้ายด้วย 0 5 หรือเลขอื่นๆ ที่นิยม การกองอายุ3บางครั้งวัดได้ด้วย ดัชนีการนิยมอายุ4 ข้อมูลอายุมักต้องปรับเพื่อแก้รูปแบบอื่นๆ ของ การรายงานอายุผิดพลาด5 หรือ ความลำเอียงในการรายงานอายุ5

153

ค่าตัวเลขของฟังก์ชันทางประชากรต่างๆ โดยทั่วไปจะใส่ไว้ใน ตาราง1 อย่างเช่นตารางชีพ (431-1) ตารางภาวะเจริญพันธุ์ (634-1) หรือตารางภาวะสมรส (522-1) ปรกติจะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง ตารางตามปีปฏิทิน2 หรือ ตารางตามช่วงเวลา2ซึ่งแสดงข้อมูลที่รวบรวมในช่วงเวลาที่จำกัด และ ตารางตามรุ่น3 หรือ ตารางตามรุ่นวัย3ซึ่งเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ตลอดชั่วชีวิตของคนรุ่นหนึ่ง ตารางแบบลดลงหลายทาง4แสดงผลพร้อมๆ กันของเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่หลายๆ อย่าง อย่างเช่นผลของการแต่งงานครั้งแรกและการตายต่อประชากรกลุ่มเดียว ตารางที่ใช้กันมากที่สุดคือ ตารางแบบลดลงสองทาง4 ตารางพยากรณ์5ให้ค่าตัวเลขของฟังก์ชันทางประชากร เช่นฟังก์ชันการรอดชีพ (431-6) ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อพยากรณ์ประชากร (cf. 720-2) ได้โดยตรงเมื่อประชากรถูกจำแนกออกเป็นสองหรือมากกว่าสองกลุ่มอายุตามสถานภาพทางเศรษฐกิจ (เช่น สตรีในหรือนอกกำลังแรงงาน) สถานภาพสมรส ภาค ฯลฯ และเมื่อมีความเป็นไปได้ของทิศทางที่ต่อเนื่องระหว่างกลุ่มเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ว่าสถานะแต่ละบุคคลสามารถวัดได้ในเวลาที่แยกๆ กันเท่านั้น (คลื่นของการศึกษาระยะยาว การสอบถามถึงการจดทะเบียนประชากร ฯลฯ) วิธีเพิ่มขึ้น-ลดลง6 หรือ วิธีหลายสถานะ6ถูกพัฒนาและนำมาใช้

154

เมื่อข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะให้ค่าของตัวแปรหนึ่งได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อาจต้องมีการ ประมาณ1ค่านี้ กระบวนการนี้เรียกว่า การประมาณ2 และค่าที่เป็นผลลัพธ์จะเรียกว่า ค่าประมาณ3 ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลอยู่เลย บางครั้งอาจต้องทำ การคาดคะเน4เพื่อให้ได้ ลำดับของขนาด5

155

วิธี การแสดงด้วยกราฟ1 หรือ การแสดงด้วยแผนภาพ1อาจใช้เพื่อแสดงข้อสรุปที่ได้รับ ข้อมูลจะนำออกแสดงในรูปของ ตัวเลข2 กราฟ2 แผนภูมิสถิติ3 หรือ แผนที่3 การนำออกแสดงอย่างมีแบบแผนของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรมักจะเรียกว่า แผนภาพ4 ตัวอย่างเช่นแผนภาพเล็กซิส (cf.437) กราฟซึ่งแกนหนึ่งมีค่าเปลี่ยนไปเชิงล็อกการิทม์และอีกแกนหนึ่งค่าเปลี่ยนไปเชิงคณิตศาสตร์จะเรียกว่า กราฟกึ่งล็อกการิทม์5 แม้ว่ากราฟเช่นนั้นถูกเรียกผิดอยู่บ่อยๆ ว่า กราฟล็อกการิทม์5 กราฟล็อกการิทม์6ที่แท้จริงทั้งสองแกนจะมีค่าเปลี่ยนไปเชิงล็อกการิทม์ บางครั้งจึงเรียกกราฟชนิดนี้ว่า กราฟล็อกการิทม์สองแกน6 การกระจายความถึ่อาจนำแสดงเป็นรูปภาพโดย รูปหลายเหลี่ยมความถี่7ซึ่งได้จากการเชื่อมจุดที่แสดงความถี่ชั้นต่างๆ ด้วยเส้นตรง โดย กราฟแสดงความถึ่8 ซึ่งความถึ่ชั้นต่างๆ แสดงด้วยพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีช่วงชองชั้นนั้นเป็นฐาน โดย แผนภูมิแท่ง9ซึ่งความถี่ของชั้นเป็นสัดส่วนกับความยาวของแท่ง หรือโดย รูปยอดแหลม10ซึ่งแสดงการกระจายความถี่สะสม

* * *

ไปยัง: คำนำสู่ดีโมพีเดีย | คำแนะนำการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจำแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93

ดึงข้อมูลจาก "http://th-ii.demopaedia.org/w/index.php?title=15&oldid=735"